เมื่อ AI ท้าทาย มนุษย์ - Mini Me Advertising Co., Ltd.
17100
post-template-default,single,single-post,postid-17100,single-format-standard,ajax_fade,page_not_loaded,,vertical_menu_enabled,qode-title-hidden,side_area_uncovered_from_content,transparent_content,qode-theme-ver-9.4.1,wpb-js-composer js-comp-ver-4.12,vc_responsive,elementor-default,elementor-kit-16817,elementor-page elementor-page-17100

เมื่อ AI ท้าทาย มนุษย์

ไม่ว่าคุณจะตื่นเต้น หรือ ต่อต้าน มันก็ไม่แคร์ .. หน้าที่ของมันแค่ เรียนรู้ ระบบงานทุกสายอาชีพที่มนุษย์ทำซ้ำๆ อย่างมีแบบแผน มัดรวมทุก case study ชั่ว – ดี good great บนโลก มาจัดแบ่งหมวดหมู่ และพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อทำงานแทนเรา เป้าหมาย คือ ลด(แรง)งานของมนุษย์ … อย่าคิดหนี และอย่าริสู้ เพราะเราแพ้ทุกประตูแน่นอน ไม่ได้มาพูดให้สิ้นหวัง แต่พูดให้ยอมรับความจริง และหาทางออกสวยๆ ที่จะประคองตัวเองให้รอด

#มองโลกในแง่ดี เราไม่ได้เจอปัญหานี้คนเดียว
คนทั้งโลก ต่างก็อยู่ใต้เงื่อนไขเดียวกัน สิ่งเดียวที่จะทำให้เรารอด คือ รู้สถานการณ์ และเรียนรู้มันทุกวัน
รับประกันว่า เหนื่อยแน่ .. เพราะมันทำงานทุกวินาที ไม่มีปัญหา Diversity , ไม่มี generation gap , ไม่สน work life balance ,ไม่เคย Burnout ..

ถึงเวลา ที่ มนุษย์ Emotional อย่างเรา ต้องปรับตัว เปลี่ยนทุกความเชื่อที่เคยมีต่อตัวเอง และผู้อื่น

สิ่งที่ได้ คือ เราจะค้นพบตัวเรา ในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด

prompt ภาพ by underdog  *อยากได้ propmt นี้ ตามมาที่ https://linktr.ee/ideahack.course

เราเป็นใคร ความสามารถที่แท้จริงของเราคืออะไร
ถึงเวลา #แก้เกม ด้วยการ อ่าน AI กลับ

Tamarah Usher ให้ความเห็นว่า หากวิเคราะห์ ความสัมพันธ์ระหว่าง ปัญญามนุษย์ และปัญญาประดิษฐ์
ผ่านทฤษฎีกระบวนการคิดสองระบบของ Daniel Kahneman (ผู้เขียนหนังสือ ‘Thinking, Fast and Slow’ ที่ ได้รับรางวัลโนเบลในปี 2002) ว่าด้วยการคิดแบบระบบหนึ่ง และระบบสอง

ระบบหนึ่ง Thinking Fast – เป็นการคิดที่รวดเร็ว ด้วยสัญชาตญาณ และขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ มีลักษณะคล้ายกับความสามารถปัจจุบันของเทคโนโลยี AI ซึ่งจะเป็นเลิศในการประมวลข้อมูลจำนวนมหาศาลและการตอบสนองอย่างรวดเร็ว คล้ายกับกระบวนการคิดแบบไม่รู้ตัวของมนุษย์

ระบบสอง Thinking Slow – เกี่ยวข้องกับการคิดที่ช้ากว่า มีความตั้งใจและการวิเคราะห์มากขึ้น สะท้อนถึงแก่นแท้ของการรับรู้ลึกซึ้งของมนุษย์ (ซึ่ง AI กำลังพยายามเลียนแบบ)

เมื่อเทคโนโลยี AI พัฒนายิ่งขึ้น ความสามารถของมันจะเริ่มเข้าใกล้และท้าทายการคิดแบบระบบสองของมนุษย์

การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางปัญญาอย่างมีนัยสำคัญในทุกวิชาชีพ มนุษย์จำเป็นต้องคิดนอกกรอบ การฝึกฝนความคิดสร้างสรรค์จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับทุกคน และทุกสายอาชีพ

สำหรับใคร ที่ยังมองว่าความคิดสร้างสรรค์ เป็นพรสวรรค์ หรือเป็นทักษะเฉพาะของนักออกแบบ ต้องรีบเปลี่ยนความเชื่อนี้โดยเร็ว เพราะนี่จะเป็นทักษะเดียว ที่มนุษย์ต้องฝึก เพื่อให้มองสิ่งที่ AI ทำ และ พัฒนา ต่อยอด ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ซึ่ง AI ยังทำไม่ได้

prompt ภาพ by underdog  *อยากได้ propmt นี้ ตามมาที่ https://linktr.ee/ideahack.course

5 ทักษะมนุษย์ที่ AI ยังเลียนแบบไม่ได้

1. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่แค่การคิดไอเดียใหม่ ๆ แต่คือการเชื่อมโยงสิ่งที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกันเข้าด้วยกันอย่างน่าทึ่ง มันเป็นการปล่อยให้จินตนาการโลดแล่นไปในทิศทางที่เราไม่เคยคาดคิด AI อาจจะทำตามแบบแผนที่มีอยู่ แต่ไม่สามารถสร้างสรรค์จากความว่างเปล่าได้แบบมนุษย์ ความคิดสร้างสรรค์ต้องการอารมณ์ ความรู้สึก และประสบการณ์ชีวิตที่ลึกซึ้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ยังไม่สามารถสัมผัสได้

2. การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) การคิดวิเคราะห์เหมือนการแกะรอยความจริงจากความสับสน มันช่วยให้เรามองเห็นข้อเท็จจริง ตรวจสอบสมมติฐาน และพิจารณาผลกระทบที่ตามมา AI อาจจะประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็ว แต่ไม่สามารถตั้งคำถามหรือพิจารณาความหมายเชิงลึกได้แบบมนุษย์ การฝึกฝนการคิดวิเคราะห์จะช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรอบคอบ

3. ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) ความฉลาดทางอารมณ์คือการเข้าใจและจัดการอารมณ์ของเราและผู้อื่น มันคือการรับรู้ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดและการกระทำ AI อาจจะตรวจจับและเลียนแบบการแสดงอารมณ์ได้ แต่ไม่สามารถเข้าใจหรือมีประสบการณ์ทางอารมณ์แบบมนุษย์ได้ การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์จะช่วยให้เราสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นและทำงานร่วมกับทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Continuous Learning) การเรียนรู้คือการสะสมประสบการณ์และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ ในยุคที่ AI พัฒนาอย่างรวดเร็ว การติดตามและปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะช่วยให้เราใช้ AI เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและชีวิตประจำวัน AI อาจจะอัปเดตข้อมูลตามที่โปรแกรมไว้ แต่ไม่สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์หรือปรับตัวในสถานการณ์ที่หลากหลายได้

5. การคิดเชิงระบบ (Systems Thinking) การคิดเชิงระบบคือการมองเห็นภาพรวมของปัญหาและการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่าง ๆ มันคือการเข้าใจผลกระทบที่ซับซ้อนและการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ AI อาจจะวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างแบบจำลองได้ แต่การคิดเชิงระบบต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ในหลาย ๆ ด้าน ซึ่ง AI ยังไม่สามารถทำได้ดีเท่ามนุษย์